ไวรัสโคโรนา หรือไวรัสโควิด-19 เป็นเชื้อไวรัสที่มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในช่วงปลายปี 2019 จนเข้ามาถึงกลางปี 2020 ก็ยังไม่มีทีท่าว่าเชื้อไวรัสโคโรนานี้จะหายไปจากโลกอย่างถาวร ถึงแม้ว่าในหลายประเทศจะมีการปลดล็อกหลังจากเหตุการณ์ต่างๆ เริ่มดีขึ้น แต่ก็มีข่าวร้ายว่าเจ้าไวรัสร้ายนี้ได้กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง ในหลายประเทศที่เคยเอาชนะมาได้แล้วครั้งหนึ่ง ทำให้เกิดความตื่นตระหนกเป็นอย่างมากต่อชาวโลก เพราะจนบัดนี้แล้วยังไม่มีวัคซีนตัวใดเลยที่สามารถยืนยันว่ารักษาไวรัสโควิด-19 ให้หายได้ นอกไปจากการรักษาตามอาการ และกักตัวให้อยู่ห่างจากผู้คนภายนอกเป็นดีที่สุด
ไวรัสโคโรนาไม่เพียงแค่สร้างความเดือดร้อนต่อการใช้ชีวิต สุขภาพร่างกาย สุขภาพจิต เจ้าไวรัสร้ายตัวนี้ยังทำให้สถานการณ์ต่างๆ ของโลกเกิดความปั่นป่วนจนต้องหยุดชะงัก โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ทำให้แต่ละประเทศเกิดภาวะวิกฤตไปตามๆ กัน
โดยสมาคมอาเซี่ยนเองก็มิได้นิ่งนอนใจกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ได้มีการประชุมหารือระหว่างสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ เพื่อที่จะหาแนวทางในการก้าวข้ามผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างเป็นรูปธรรม และเกิดประสิทธิภาพต่อความเป็นอยู่ของประชาชนมากที่สุด
ซึ่งได้มีการส่งเสริมให้นำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนในการทำงานต่างๆ โดยเฉพาะในด้านของการสื่อสารสาธารณะ เพื่อขจัดการเผยแพร่ข่าวปลอม อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เกิดความวิตกกังวลมากยิ่งขึ้นของประชาชนภายในประเทศสมาชิก อีกทั้งยังได้มีการจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการจัดตั้งคลังสำรองอุปกรณ์ทางการแพทย์ระดับภูมิภาค สร้างความเข็มแข้งให้กับกลไกของศูนย์การทำงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาเซี่ยน รักษาความสมดุลทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้านของโลจิสติกส์ ซึ่งถือเป็นห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค ไม่ให้การไหลเวียนสินค้าที่มีความจำเป็นสูงต้องหยุดชะงัก ได้แก่ ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น
เน้นยำที่จะให้ความช่วยเหลือต่อประชาชนในประเทศสมาชิก และประเทศที่สามอย่างเท่าเทียมกัน โดยการประชุมสมาคมอาเซี่ยนนั้นได้มีการสนับสนุนข้อเสนอเกี่ยวกับ กองทุนอาเซี่ยนเพื่อรับมือโควิด-19 ในการช่วยจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ขาดแคลนให้กับประเทศสมาชิก ตลอดจนการสนับสนุนการวิจัยในด้านการพัฒนาค้นหายาและวัคซีนในการใช้รักษาไวรัสโควิด-19 อีกด้วย
นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้รัฐบาลในกลุ่มสมาชิกอาเซี่ยนมีการออกมาตรการของรัฐเพื่อช่วยเหลือสมาชิกในประเทศของตนเอง โดยประเทศไทยได้มีการออกมาตรการในด้านของ เราไม่ทิ้งกัน ซึ่งเป็นการแจกเงินช่วยเหลือเยียวยาให้กับประชาชนผู้มีอาชีพอิสระภายในประเทศที่ได้รับผลกระทบจำนวน 5 พันบาท เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน และยังมีมาตรการในการผ่อนผันหนี้สินทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 6 เดือน มีการออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้กู้ยืม เพื่อช่วยเพิ่มสภาพความคล่องตัวทางการเงินภายในประเทศ
เช่นเดียวกับทางด้านของสิงคโปร์ที่มีการแจกเงินให้กับประชาชนภายในประเทศ 300 ดอลล่าร์สิงคโปร์ และ 800ดอลล่าร์สิงคโปร์ เป็นเวลา 3 เดือนสำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำ ผู้ที่ตกงานจากสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่อินโดนีเซีย มีมาตรการลดหย่อนเครดิตของธนาคารรัฐบาล โดยเสนอการจ่ายเงินสดเป็นค่าจ้างรายเดือน 3 เดือน สำหรับประชนชนผู้ที่มีรายได้น้อย เพื่อเพิ่มกระแสเงินสดให้หมุนเวียนในระบบการเงินอย่างสม่ำเสมอ
จะเห็นได้ชัดว่าในกลุ่มประเทศสมาคมอาเซี่ยนมิได้มีประเทศใดเลยที่นิ่งเฉยกับสถานการณ์โควิด-19 หากแต่ทุกประเทศพยายามหาทางแก้ปัญหา หาทางช่วยเหลือประชาชนในประเทศของตนเองอย่างเต็มที่ รวมถึงในบทบาทของการเป็นสมาชิกสมาคมอาเซี่ยนด้วย ว่าอาเซี่ยนเองก็มิได้มีการนิ่งเฉยต่อวิกฤตที่เกิดขึ้น แต่กำลังมีการเร่งมือในการหาแนวทางการแก้ปัญหาร่วมกันอย่างยั่งยืน โดยจะไม่ทอดทิ้งสมาชิกประเทศใดประเทศหนึ่งให้ผ่านสถานการณ์วิกฤตไปอย่างเดียวดายแน่นอน